การจัดโครงสร้างพอร์ตแบบพี่ต้าน: สร้าง Cash Flow ด้วย Close System

Close System สร้าง Cash Flow

พี่ต้านได้พัฒนาโครงสร้างพอร์ตที่เน้นการสร้าง Cash Flow เป็นหลัก โดยเริ่มจากการใช้ Close System เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างรายได้ที่มั่นคง จากนั้นจึงนำ Cash Flow ที่ได้มาต่อยอดในการลงทุนรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าพอร์ตและขยายโอกาสในการทำกำไร การจัดการในรูปแบบนี้ทำให้เทรดเดอร์มีความยืดหยุ่นและสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักการ: สร้าง Cash Flow ด้วย Close System พี่ต้านเน้นให้เริ่มต้นด้วยการใช้ Close System เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและปลอดภัย โดยไม่ใช้ Leverage เพื่อลดความเสี่ยง Cash Flow ที่เกิดจากการเทรดในระบบนี้เป็นรายได้ที่สม่ำเสมอและช่วยให้พอร์ตมีสภาพคล่องพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ในตลาด ขั้นตอนการจัดโครงสร้างพอร์ต: 3 รูปแบบการต่อยอดจาก Cash Flow สู่การเติบโต เมื่อมี Cash Flow ที่มั่นคงเป็นฐานแล้ว คุณจะมีความยืดหยุ่นในการนำรายได้ไปกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนในรูปแบบต่างๆ: 1. Scalping (เพิ่มสภาพคล่อง) 2. Buy Asset (เพิ่มมูลค่า) 3. ทำ Close System เพิ่มเติมใน … Read more

Part 5: “พ่อครับ…เมื่อไหร่จะรวย?” — บทเรียนจิตวิทยา ‘ความน่าเบื่อ’ ในการลงทุน

จิตวิทยาความน่าเบื่อในการลงทุน Roblox

สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งในซีรีส์ “เปลี่ยนเงินเติมเกม เป็นพอร์ตหุ้นโต” ครับ หลังจากที่เราสองคนพ่อลูกผ่านบททดสอบ ‘พอร์ตแดง’ และ ‘ข่าวร้าย’ มาอย่างแข็งแกร่ง ผมคิดว่าลูกชายของผมน่าจะเข้าใจเกมนี้มากพอสมควรแล้ว… แต่ผมลืมไปว่า… ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของการเดินทางระยะยาว ไม่ใช่ “ความกลัว” แต่มันคือ “ความน่าเบื่อ” ครับ ช่วงเวลาแห่งความเงียบ (The Silent Enemy) หลังจากพายุข่าวร้ายผ่านพ้นไป ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ‘ราคา’ ของบริษัทที่เราถือไม่ได้ลดลงน่ากลัว แต่มันก็ไม่ได้พุ่งขึ้นไปไหน มันนิ่ง…สนิท… เป็นเวลาหลายสัปดาห์ต่อเนื่องเป็นเดือน ความตื่นเต้นในช่วงแรกหายไปหมดแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบงันในบัญชีของเรา และแล้ว… คำถามจากลูกชายวัย 8 ขวบของผมก็เปลี่ยนไป… จิตวิทยา ‘Dopamine’ ปะทะ ‘การรอคอย’ นี่คือบทเรียนที่ลึกซึ้งที่สุดครับ สมองของเราคุ้นเคยกับการได้รับสารแห่งความสุข (Dopamine) แบบรวดเร็ว (Instant Feedback) เหมือนกับการกดปุ่มในเกม หรือดู YouTube แม้แต่ตอนที่ ‘พอร์ตแดง’ หรือมี ‘ข่าวร้าย’ มันก็ยังมีความ ‘ตื่นเต้น’ ให้สมองได้เสพ … Read more

สรุป 8 บทเรียนจาก Mudley Live Vol.1 (ฉบับ Daddy Investor)

สวัสดีครับ Daddy Investor ครับ หลังจากที่เราได้เรียนรู้และปฏิบัติการ “ย้ายบ้าน” บทความ Mudley Live Vol.1 มาไว้ในเว็บไซต์ของเราครบทั้ง 8 ตอนแล้ว นี่คือ “หน้าสารบัญ” ที่รวบรวมแก่นคิดและบทเรียนทั้งหมดของพี่ต้าน (จาก Mudley Group) เข้าไว้ด้วยกัน ซีรีส์นี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการ “มีระบบ” และ “การควบคุม Drawdown” ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถอยู่รอดและเติบโตในตลาดได้ในระยะยาว คุณสามารถย้อนกลับไปอ่านบทเรียนทั้ง 8 ตอนนี้ได้ตามลำดับความสำคัญตามรายการด้านล่างนี้ครับ 8 บทเรียนสำคัญในการสร้าง “ระบบเทรด” ที่แข็งแกร่ง สรุป: การเริ่มต้นที่ “ระบบ” การเริ่มต้นสร้างระบบเทรดที่ชัดเจน คือการก้าวข้ามจากการเป็น “นักพนัน” ไปเป็น “ผู้บริหารความเสี่ยง” ครับ หากคุณเข้าใจหลักการทั้ง 8 ข้อนี้แล้ว… คุณก็พร้อมที่จะสร้าง “ระบบเทรด” ที่เป็นของคุณเองได้ทันทีครับ หากคุณต้องการเปลี่ยนความรู้เหล่านี้ให้เป็นระบบการเทรดที่ใช้ได้จริง… ค้นพบระบบ Close System ในคอร์ส Daddy Bot

เงินไม่หาย พอร์ตไม่พัง: เทคนิคจัดพอร์ตของพี่ต้านที่เทรดเดอร์ต้องรู้ (Mudley Live Ep.8)

เทคนิคจัดพอร์ตของพี่ต้าน Mudley

พี่ต้านเน้นว่า “การอยู่รอดในตลาดสำคัญกว่าการทำกำไรในระยะสั้น” เทรดเดอร์หลายคนมักโฟกัสไปที่การทำกำไร แต่ละเลยการบริหารพอร์ตที่เป็นระบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้พอร์ตสามารถรับมือกับช่วง Drawdown ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักคิดคือ การรักษาเงินทุนสำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณอยู่รอดได้ในตลาด โอกาสทำกำไรจะมาหาคุณเอง 6 หลักคิดสำคัญในการบริหารพอร์ต หลักคิดที่ 1: เป้าหมายคือ “อยู่รอดก่อน รวยทีหลัง” หลักคิดที่ 2: การกระจายความเสี่ยง (Diversification) หลักคิดที่ 3: การบริหาร Position Sizing หลักคิดที่ 4: Money Management และ Drawdown หลักคิดที่ 5: มีเงินสดสำรอง (Dry Powder) หลักคิดที่ 6: วินัยและการปรับตัว (Discipline & Adaptability) ข้อผิดพลาดที่ทำให้พอร์ตไม่มีประสิทธิภาพ สรุป พี่ต้านเน้นว่า “การบริหารพอร์ตที่ดีต้องมีระบบและการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม” พอร์ตที่มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ใช่พอร์ตที่ทำกำไรเร็วที่สุด แต่เป็นพอร์ตที่สามารถอยู่รอดได้ในทุกสภาวะตลาด หากคุณต้องการสร้างพอร์ตที่แข็งแกร่ง ควรให้ความสำคัญกับการควบคุมความเสี่ยง, การกระจายความเสี่ยง และการบริหาร Position … Read more

Trend Following vs Mean Reversion: ไขความลับกลยุทธ์ที่ช่วยให้เทรดเดอร์รอด (Mudley Live Ep.7)

Trend Following vs Mean Reversion

เทรดเดอร์แต่ละคนมีแนวทางการเทรดที่แตกต่างกัน บางคนชอบ ไล่ตามแนวโน้ม (Trend Following) ขณะที่บางคนชอบ ซื้อเมื่อราคาลง (Mean Reversion) แต่คำถามสำคัญคือ “เทรดแบบไหนรอด?” และ “กลยุทธ์ไหนเหมาะกับตัวคุณ?” พี่ต้าน (จาก Mudley Live Vol.1) อธิบายถึงข้อดี ข้อเสีย และหลักคิดของทั้งสองกลยุทธ์ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้กับสไตล์การเทรดของแต่ละคนได้ Trend Following (TF): ทำกำไรจากแนวโน้มของตลาด แนวคิดของ Trend Following คือ “ตลาดมีแนวโน้ม และเราจะทำกำไรจากแนวโน้มนั้น” ลักษณะสำคัญ: ข้อดี / ข้อเสีย: Mean Reversion (MR): ทำกำไรจากการกลับสู่ค่าเฉลี่ย แนวคิดของ Mean Reversion คือ “ราคามักจะกลับสู่ค่าเฉลี่ย” ลักษณะสำคัญ: ข้อดี / ข้อเสีย: Trend vs Mean: กลยุทธ์ไหนเหมาะกับคุณ? ข้อผิดพลาดที่เทรดเดอร์มักทำ: สรุป … Read more

3-Stage Model: พัฒนาระบบเทรดให้แข็งแกร่ง (Mudley Live Ep.6)

3-Stage Model ระบบเทรด

พี่ต้านเน้นว่า “เทรดเดอร์ที่ดีต้องมีระบบ ไม่ใช่แค่เทรดตามอารมณ์หรือความรู้สึก” หลายคนล้มเหลวในการเทรดเพราะพวกเขาไม่มีโครงสร้างที่ชัดเจนในการวิเคราะห์และตัดสินใจ ระบบเทรดที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของการเลือกอินดิเคเตอร์ แต่มันต้องมี “กระบวนการคิดที่เป็นขั้นตอน” ตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการบริหารความเสี่ยง ซึ่งพี่ต้านใช้แนวคิดของ 3-Stage Model ในการพัฒนากลยุทธ์เทรดของตัวเองครับ 3 ขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาระบบเทรด (3-Stage Model) 1. วางโครงสร้างของระบบให้ชัดเจน (Blueprint) 2. ทดสอบระบบย้อนหลัง และปรับปรุง (Test & Optimize) 3. รักษาวินัย และปรับตัวตามตลาด (Execute & Adapt) ทำไมเทรดเดอร์ต้องมีแนวคิดเป็นขั้นตอน ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการพัฒนาระบบเทรด สรุป: วางแผน, ทดสอบ, ปรับปรุง ระบบเทรดที่แข็งแกร่งต้องมี “แนวคิดเป็นขั้นตอน” เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจได้อย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่พึ่งพาสัญชาตญาณ พี่ต้านเน้นว่า “เทรดเดอร์ที่มีระบบและทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง จะอยู่รอดและเติบโตได้ในตลาด” (ข้อมูลอ้างอิง: สรุปจาก Mudley Live by Jatuphon Vol.1) นี่คือบทเรียนที่ 6 ใน [สรุป … Read more

หลักการเทรดของพี่ต้าน: 3 วิธีคิดที่ช่วยให้อยู่รอดในตลาด (Mudley Live Ep.5)

หลักการเทรดของพี่ต้าน Mudley Live

Rule-Based Trading, Trading Plan, Position Sizing… ทั้งหมดนี้จะไม่มีความหมายเลยถ้าขาด “หลักการเทรด” ที่ถูกต้อง พี่ต้าน (จาก Mudley Live Vol.1) เน้นย้ำในหลักการที่สำคัญที่สุดนั่นคือ “การอยู่รอด” (Survival) มากกว่า “การทำกำไร” (Profit) นี่คือ 3 หลักการเทรดที่พี่ต้านใช้เป็นเกราะป้องกัน เพื่อให้แน่ใจว่าพอร์ตจะอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว หลักการที่ 1: การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) นี่คือ “หัวใจ” ที่สำคัญที่สุดครับ พี่ต้านเน้นว่าเทรดเดอร์ที่ดีต้องคิดถึง “ความเสี่ยง” ก่อน “ผลกำไร” เสมอ หลักการที่ 2: การมีแผนการเทรด (Trading Plan) การเทรดที่ไม่มีแผน ก็คือ “การพนัน” ดีๆ นี่เอง แผนการเทรดคือ “พิมพ์เขียว” ที่ช่วยให้คุณตัดสินใจอย่างเป็นระบบ หลักการที่ 3: การเทรดแบบไม่มีอารมณ์ (No Emotion) … Read more

ควบคุม Drawdown: เกมการเงินที่ “ไม่ใช่เรื่องของโชค” (Mudley Live Ep.4)

การควบคุม Drawdown

เกมการเงินไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็นเรื่องของการควบคุม Drawdown พี่ต้าน (จาก Mudley Live Vol.1) เน้นย้ำเสมอว่า “การเทรดไม่ใช่แค่เรื่องของการหาจังหวะเข้า แต่เป็นเรื่องของการอยู่รอดและเติบโตในระยะยาว” เทรดเดอร์หลายคนมักให้ความสำคัญกับการเลือกจุดเข้า (Entry) แต่ละเลย “การบริหารพอร์ตที่เป็นระบบ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้พอร์ตสามารถรับมือกับช่วง Drawdown (ช่วงที่พอร์ตติดลบ) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารพอร์ตอย่างเป็นระบบจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถ “อยู่ในตลาดได้นานพอ” จนระบบของตัวเองกลับมาทำกำไรได้ แนวทางการบริหารพอร์ตแบบเป็นระบบ 1. กำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เทรดเดอร์ต้องกำหนดระดับความเสี่ยงที่สามารถรับได้ในภาพรวมของพอร์ต (เช่น กำหนดให้พอร์ตมี Drawdown สูงสุดไม่เกิน 20%) และไม่ให้การเทรดแต่ละครั้งเสี่ยงเกิน 1-2% ของพอร์ต 2. ใช้ Position Sizing ให้เหมาะสม การกำหนดขนาดของการเทรดแต่ละครั้งเป็นหัวใจสำคัญ (เราคุยกันไปใน Ep.3) ขนาด Position ที่เหมาะสมช่วยให้พอร์ตเติบโตได้อย่างมั่นคง และลดผลกระทบจากการขาดทุน 3. รักษาสมดุลสินทรัพย์ (Diversification) พอร์ตที่มีแต่สินทรัพย์เสี่ยงสูง (เช่น หุ้น หรือฟิวเจอร์ส) อาจทำให้เกิด Drawdown … Read more

Position Sizing: บริหารขนาดการเทรดให้พอร์ตโต (Mudley Live Ep.3)

Position Sizing คืออะไร

Position Sizing หรือการบริหารขนาดของการเทรด เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่สุดของการบริหารความเสี่ยง เทรดเดอร์จำนวนมากมักให้ความสำคัญกับ “จุดเข้า” (Entry) และ “กลยุทธ์” (Methods) แต่กลับละเลยการบริหารขนาดของ Position ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อ “การอยู่รอด” ในตลาด พี่ต้าน (จาก Mudley Live Vol.1) เน้นย้ำว่า การเทรดที่ดีไม่ใช่การมองหาจังหวะเข้าออกที่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นการจัดการความเสี่ยงให้สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว Position Sizing คือหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถลดความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพของพอร์ตได้อย่างยั่งยืน Position Sizing คืออะไร? Position Sizing คือการกำหนด “ขนาด” ของการเข้าเทรดแต่ละครั้งให้เหมาะสมกับ “ขนาดพอร์ต” และ “ระดับความเสี่ยง” ที่ยอมรับได้ หากไม่มีการบริหาร Position Sizing ที่ดี คุณอาจเสี่ยงต่อการขาดทุนหนักในบางออเดอร์ หรือทำให้พอร์ตเติบโตช้ากว่าที่ควรจะเป็น การกำหนดขนาดของ Position มีผลโดยตรงต่อ: ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการกำหนดขนาด Position พี่ต้านเน้นว่าการกำหนดขนาด Position ไม่ใช่แค่คำนวณตามเปอร์เซ็นต์ของพอร์ต แต่ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน: 3 … Read more

Systematic Trade vs. Discrete Trading: ระบบไหนเหมาะกับคุณ? (Mudley Live Ep.2)

Systematic Trade vs Discrete Trading

ในโลกของการเทรด มีสองแนวทางหลักที่เทรดเดอร์นิยมใช้ในการตัดสินใจซื้อขาย ได้แก่ Systematic Trade (การเทรดตามระบบ) และ Discrete Trading (การเทรดตามดุลยพินิจ) ซึ่งมีแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน พี่ต้าน (จาก Mudley Live Vol.1) ให้ความสำคัญกับ Systematic Trade เป็นหลัก เนื่องจากเป็นแนวทางที่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดี มีความสม่ำเสมอ และสามารถทดสอบย้อนหลัง (Backtest) ได้ การเลือกใช้แนวทางที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อความอยู่รอดของเทรดเดอร์ในระยะยาวครับ Systematic Trade คืออะไร? (เทรดตามกฎ) Systematic Trade คือการเทรดที่อิงกับระบบที่มี “กฎเกณฑ์ชัดเจน” เทรดเดอร์ที่ใช้แนวทางนี้จะทำตามกฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (เช่น สัญญาณเข้า/ออก, Stop Loss) โดย “ไม่” ใช้ดุลยพินิจส่วนตัวหรืออารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง Discrete Trading คืออะไร? (เทรดตามดุลยพินิจ) Discrete Trading คือการตัดสินใจซื้อขายโดยใช้ “ดุลยพินิจ” และ “ประสบการณ์” ของเทรดเดอร์เองในแต่ละสถานการณ์ เทรดเดอร์ที่ใช้แนวทางนี้มักพึ่งพาการวิเคราะห์เชิงอัตวิสัยเป็นหลัก … Read more

error: Content is protected !!