หยุด! ถ้ายังไม่รู้ว่าจะ “เทรดไปเพื่ออะไร” อย่าเพิ่งเทรด


แดดดี๊ขอพูดตรงๆ นะครับ…

“ถ้าคุณยังไม่รู้ว่า จะเทรดไปเพื่ออะไร”… หยุด! อย่าเพิ่งโอนเงินเข้าพอร์ต

การที่คุณกระโดดเข้ามาในตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็น คริปโต, Forex, หรือ หุ้น โดยที่ในหัวของคุณมีแต่คำว่า “อยากรวย” “อยากได้เงิน” “เทรดตัวไหนดี” โดยที่ยังตอบคำถามข้อแรกสุดไม่ได้…

มันไม่ใช่แค่ “เสียเวลา”

มันคือ “การฆ่าตัวตายทางการเงิน” (Financial Suicide)

ในฐานะที่แดดดี๊คลุกคลีกับเรื่องนี้มานาน ผมพบสถิติที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ลูกเพจที่ทักมาถามผมว่า “อยากเทรด Bitcoin ควรเริ่มต้นยังไงดี” 1พอผมถามกลับไปว่า “เป้าหมายการลงทุนของคุณคืออะไร?” 2

ประมาณ 80-90%… #จะหายเข้ากลีบเมฆเเละไม่ทักกลับมาถามอีกเลย 3

นี่คือ “กับดัก” ที่ใหญ่ที่สุดของมือใหม่ 90% ที่ล้มเหลวครับ พวกเขากระโดดเข้ามาในตลาดที่เสี่ยงที่สุดในโลก โดยที่พวกเขาเหล่านั้น #ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องการอะไร !!! 4

คุณกำลังพยายาม “สร้างบ้าน” โดยที่ “ไม่มีพิมพ์เขียว”

คุณกำลังพยายาม “ขับรถ” โดยที่ “ไม่มี GPS ปลายทาง”

แล้วมันอันตรายยังไง? แดดดี๊จะขยี้ “จิตวิทยา” เบื้องหลังหายนะข้อนี้ให้ฟังครับ


“จิตวิทยา” ของการเทรดแบบไร้เป้าหมาย (The Psychology of Aimlessness)

นักเทรดมือใหม่มักคิดว่า “ระบบเทรด” (Methods) หรือ “Indicator เทพๆ” คือจอกศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาใช้เวลา 90% ไปกับการหาสิ่งที่สำคัญเพียง 10% ของความสำเร็จ 55

พวกเขาไม่รู้เลยว่า… “จิตวิทยาการลงทุน” (Mindset) ต่างหากที่สำคัญถึง 60% 6666

และ “เป้าหมาย” คือจุดเริ่มต้นแรกสุดของ “จิตวิทยา” ครับ

เมื่อคุณ “ไม่มีเป้าหมาย” ที่ชัดเจน… สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ “อารมณ์” (Emotion) จะกลายมาเป็น “เป้าหมาย” ของคุณแทน

  • ความโลภ (Greed) จะกระซิบคุณว่า “ถือต่อสิ เดี๋ยวรวย 1,000%”
  • ความกลัว (Fear) จะตะโกนใส่คุณว่า “รีบขายเร็ว! กำไรจะหายหมดแล้ว!”

คุณจะถูกเหวี่ยงไปมาระหว่าง “ความกลัวตกรถ (FOMO)” 7 กับ “ความกลัวขาดทุน” โดยสิ้นเชิง คุณจะเริ่ม “เทรดคร่อมรอบ” ตัดสินใจโดยไม่มีแบบแผน

Dr. Van K. Tharp โค้ชด้านการเทรดระดับโลก กล่าวไว้ในหนังสือของเขาว่า:

“การลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการควบคุมภายในจิตใจมากกว่าปัจจัยอื่นๆ นี่คือบันไดขั้นเเรกที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จ ผู้ที่อุทิศตนในการพัฒนากระบวนการนี้ #สุดท้ายเเล้วจะได้พบกับความสำเร็จที่เเท้จริง” – Dr. Van K. Tharp8

“การควบคุมภายในจิตใจ” ที่ว่า… มันเริ่มต้นจากการ “รู้เป้าหมาย” ของตัวเองครับ ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะไปไหน คุณจะควบคุมพวงมาลัยได้อย่างไร?


กระดุมเม็ดแรก: “Cashflow” หรือ “Capital Gain”? (เลือกทางเดินของคุณ)

โอเค แดดดี๊เตือนแล้วว่ามันอันตรายแค่ไหน ทีนี้เรามา “ติดกระดุมเม็ดแรก” ให้ถูกต้องกันครับ 9

การจะวางระบบเทรดได้ดี ต้องรู้ก่อนว่าเราต้องการอะไร นี่ไม่ใช่การ “ตั้งเป้าลอยๆ” ว่าอยากรวย แต่เป็นการ “เลือกทางเดิน” ที่ชัดเจนระหว่าง 2 เส้นทางนี้:

เส้นทางที่ 1: “ชาวนา” ผู้ต้องการกระแสเงินสด (Cashflow)

  • เป้าหมาย: “ต้องการรายได้รายวัน/รายเดือน”
  • ตัวอย่าง: “ฉันมีเงินทุน 100,000 บาท ต้องการกระเเสเงินสด (Generate Cashflow) จำนวน 5,000 บาทต่อเดือน” 10
  • สไตล์: เน้นการทำกำไรเล็ก ๆ บ่อย ๆ เหมือนชาวนาที่คอยเก็บเกี่ยวผลผลิตในฟาร์มของตัวเอง
  • ระบบที่เหมาะ: อาจเลือกใช้ระบบ Grid หรือ Close System ที่เน้นการแกว่งตัวในกรอบ

จิตวิทยาของสาย Cashflow:

จิตวิทยาของสายนี้คือ “ความสม่ำเสมอ” และ “การพอใจ” คุณต้องมีวินัยสูงมากในการ “หยุด” เมื่อทำได้ตามเป้าหมาย 11 คุณต้องไม่โลภและพยายามเปลี่ยนกำไร 5% ให้เป็น 50% เพราะนั่นไม่ใช่เป้าหมายของคุณ

เส้นทางที่ 2: “นายพราน” ผู้ต้องการความมั่งคั่ง (Capital Gain)

  • เป้าหมาย: “ต้องการกำไรจากการถือระยะยาว”
  • ตัวอย่าง: “ฉันมีเงินก้อนนี้ที่ไม่ได้ใช้… สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากถึง -80% โดยคาดหวังผลตอบเเทน 80%-100% ในระยะยาว 5-10 ปี” 12
  • สไตล์: อดทนรอคอย “เหยื่อตัวใหญ่” ถือข้ามวัน/สัปดาห์/เดือน
  • ระบบที่เหมาะ: อาจใช้ระบบ Trend Following ที่เน้นการ “Let Profit Run” (ปล่อยกำไรให้เติบโต)

จิตวิทยาของสาย Capital Gain:

จิตวิทยาของสายนี้คือ “ความอดทน” (Patience) คุณต้องทนเห็นพอร์ตเหวี่ยงได้ ทนเห็นกำไรที่เคยมีหดหายไปบ้าง และที่สำคัญคือ “ต้องไม่กลัว” การ “แพ้เล็กๆ บ่อยๆ” (Win Rate ต่ำ) เพื่อรอ “ชนะใหญ่” เพียงไม่กี่ครั้งต่อปี


หายนะของคน “สับสน”: เมื่อ “ชาวนา” พยายามยิง “นายพราน”

ขยี้ให้ฟังชัดๆ ครับ… ปัญหาที่เลวร้ายที่สุด ไม่ใช่การเลือกเส้นทางผิด

แต่คือการ “ไม่เลือก” หรือ “พยายามจะเป็นทั้งสองอย่าง” ในเวลาเดียวกัน

นี่คือสิ่งที่มือใหม่ 90% เป็น: “ซื้อแบบนายพราน แต่ดันเทรดแบบชาวนา”

Case Study หายนะ:

นาย A (มือใหม่) เห็นสัญญาณ Breakout (ระบบ Trend Following ของนายพราน) เขาจึงเข้าซื้อ…

  1. ถ้ากราฟขึ้น 5%: “จิตใจชาวนา” ของเขาจะเริ่มทำงาน “เฮ้ย! ได้ค่าขนมแล้ว รีบปิดดีกว่า เดี๋ยวหาย!” 13เขารีบปิดสถานะ… แล้วก็นั่งมองกราฟวิ่งต่อไปอีก 100% (นี่คือการ “รีบปิดกำไร” Mindset แบบลูกจ้างที่รีบเอาค่าจ้าง 14)
  2. ถ้ากราฟลง 5%: “จิตใจนายพราน (ปลอมๆ)” ก็โผล่มา “ไม่เป็นไร เดี๋ยวถือยาว” แต่พอลงไป 15% เขาก็ทนไม่ไหว คัทลอสทิ้ง… แล้วกราฟก็เด้งกลับไปตามเทรนด์

เห็นไหมครับ? เขา “แพ้” ในเกมของนายพราน (เพราะใจไม่นิ่งพอ) และ “แพ้” ในเกมของชาวนา (เพราะไม่ได้เก็บเกี่ยว)

การ “ไม่มีเป้าหมาย” ที่ชัดเจน ทำให้คุณ “สับสน” ทางจิตวิทยา และการสับสนนี้จะนำไปสู่บาปที่ร้ายแรงที่สุดของการเทรด…

นั่นคือการ “แหกแผน” (Breaking the Plan) 15


“เป้าหมาย” คือพิมพ์เขียวของ “ธุรกิจการเทรด”

แดดดี๊ย้ำเสมอว่า การเทรดไม่ใช่ “การพนัน” หรือ “งานอดิเรก” 16

ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในระยะยาว… คุณต้องทำการเทรดอย่างเป็นธุรกิจครับ 17

และ “เป้าหมาย” ที่เราคุยกันมาทั้งหมดนี้ มันคือ “บทที่ 1” ใน “แผนธุรกิจ” (Business Plan) ของคุณ 18181818

Jesse Livermore หนึ่งในนักเก็งกำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้กล่าวไว้ว่า:

“ใครก็ตามที่มีความสนใจที่จะเข้ามาทำการเก็งกำไรในตลาดนั้น ก็ควรที่จะมีมุมมองเกี่ยวกับมัน #ในฐานะของการทำธุรกิจในรูปแบบหนึ่ง… โดยไม่ถือว่ามันเปรียบเสมือนกับการพนันเต็มรูปแบบอย่างที่หลายๆคนได้เข้าใจ” – Jesse Livermore19

“ธุรกิจ” ที่ไม่มีเป้าหมาย คือ “ธุรกิจ” ที่รอวันเจ๊ง

“ธุรกิจ” ที่ตั้งเป้าปีละ 1,000% คือ “ธุรกิจเพ้อฝัน” 20

แต่ “ธุรกิจการเทรด” ที่มีเป้าหมายสมจริง เช่น “ทำผลตอบเเทนทบต้นเฉลี่ยที่ 26% ต่อปี” (ซึ่งจะคืนทุน 100% ได้ใน 3 ปี) 21212121 คือ “ธุรกิจ” ที่มีแผน และมีโอกาสรอดในระยะยาว

เมื่อคุณมี “เป้าหมาย” เป็นที่ตั้ง…

คุณจะเริ่มมองหา “ระบบ” ที่สอดคล้อง

คุณจะเริ่มทำ “Money Management” ที่เหมาะสม 22

และคุณจะมี “สมอ” ให้ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ

ดังที่ Jesse Livermore กล่าวไว้อีกเช่นกัน:

“สิ่งที่จะทำให้ผมขาดทุนก็คือ การที่ผมเลือกเทรดตามความพอใจมากกว่าการยึดติดกับแผนของตัวเอง” – Jesse Livermore23

“แผน” ที่ว่า… มันเริ่มต้นจาก “เป้าหมาย” ของคุณนั่นเองครับ


บทสรุป: กลับไปทำการบ้าน “ข้อที่ 0”

ถึงตรงนี้ แดดดี๊หวังว่าคุณจะเห็นภาพแล้วว่าทำไมการตะโกนถามว่า “เทรดตัวไหนดี?” ถึงเป็นคำถามที่ “ผิด”

มันไม่ใช่ความผิดของ Indicator

มันไม่ใช่ความผิดของตลาด

แต่มันคือความผิดพลาดตั้งแต่ “กระดุมเม็ดแรก” ของคุณ

หยุดโทษระบบ หยุดโทษโบรเกอร์… กลับไปที่จุดเริ่มต้น

กลับไปทำการบ้าน “ข้อที่ 0” นี้ให้จบ

เปิดสมุด Trading Journal ของคุณ แล้วเขียนคำตอบให้ชัดเจน:

  1. เป้าหมายของฉันคือ “Cashflow” หรือ “Capital Gain”?
  2. (ถ้า Cashflow) ฉันต้องการเดือนละเท่าไหร่? จากทุนเท่าไหร่? 24
  3. (ถ้า Capital Gain) ฉันคาดหวังผลตอบแทนเท่าไหร่? ในระยะเวลาเท่าไหร่? และรับความเสี่ยง (Drawdown) ได้สูงสุดเท่าไหร่? 25

ตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ก่อน… แล้วค่อยมาคุยกันว่า “เทรดยังไง” ครับ

Leave a Comment

error: Content is protected !!