พี่ต้านเน้นว่า “การอยู่รอดในตลาดสำคัญกว่าการทำกำไรในระยะสั้น” เทรดเดอร์หลายคนมักโฟกัสไปที่การทำกำไร แต่ละเลยการบริหารพอร์ตที่เป็นระบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้พอร์ตสามารถรับมือกับช่วง Drawdown ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลักคิดคือ การรักษาเงินทุนสำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณอยู่รอดได้ในตลาด โอกาสทำกำไรจะมาหาคุณเอง
6 หลักคิดสำคัญในการบริหารพอร์ต
หลักคิดที่ 1: เป้าหมายคือ “อยู่รอดก่อน รวยทีหลัง”
- เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จให้ความสำคัญกับการควบคุมความเสี่ยงมากกว่าการทำกำไรสูงสุด
- พอร์ตที่ดีต้องสามารถอยู่รอดได้ในทุกสภาวะตลาด ไม่ใช่แค่ช่วงตลาดขาขึ้น
- การรักษาเงินทุนสำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณอยู่รอดได้ในตลาด โอกาสทำกำไรจะมาหาคุณเอง
หลักคิดที่ 2: การกระจายความเสี่ยง (Diversification)
- ไม่ถือสินทรัพย์เพียงประเภทเดียว แต่กระจายไปในสินทรัพย์ที่ไม่สัมพันธ์กัน (เช่น หุ้น, ฟิวเจอร์ส, ทองคำ)
- พอร์ตที่มีความหลากหลายช่วยลดผลกระทบจากความผันผวน และช่วยให้พอร์ตไม่พังเมื่อเจอภาวะตลาดที่ไม่เป็นใจ
หลักคิดที่ 3: การบริหาร Position Sizing
- ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของพอร์ต ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
- การใช้ขนาด Position ที่เหมาะสมช่วยให้สามารถทนต่อช่วง Drawdown ได้ และป้องกันการล้างพอร์ต
หลักคิดที่ 4: Money Management และ Drawdown
- ตั้ง Maximum Drawdown สำหรับพอร์ต เช่น หากพอร์ตขาดทุนเกิน 20% ต้องหยุดเทรดและประเมินระบบใหม่
- ไม่เพิ่ม Position เพียงเพราะต้องการ “เอาคืน” จากการขาดทุน เพราะการทำแบบนี้มักทำให้พอร์ตเสียหายหนักขึ้น
หลักคิดที่ 5: มีเงินสดสำรอง (Dry Powder)
- เทรดเดอร์ที่ไม่มีเงินสดสำรองจะไม่สามารถกลับมาเทรดได้เมื่อเกิด Drawdown
- ควรกันเงินบางส่วนไว้เสมอ เพื่อใช้เป็นทุนในช่วงที่ตลาดกลับมาส่งสัญญาณบวก (ซื้อของถูก)
หลักคิดที่ 6: วินัยและการปรับตัว (Discipline & Adaptability)
- ทำตามระบบของตัวเอง แม้ในช่วงที่ตลาดไม่เป็นใจ
- ปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด เช่น หากตลาดมีความผันผวนสูง ควรลดขนาด Position และเพิ่มสัดส่วนเงินสดในพอร์ต
ข้อผิดพลาดที่ทำให้พอร์ตไม่มีประสิทธิภาพ
- ไม่มีแผนการจัดการความเสี่ยง: พอร์ตที่ไม่มีแผนบริหารความเสี่ยงมักล้มเหลวในช่วง Drawdown
- ใช้ Leverage เกินตัว: แม้ Leverage จะช่วยเพิ่มกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงให้พอร์ต
- ไม่กระจายความเสี่ยง: ลงทุนแค่สินทรัพย์ประเภทเดียว มักนำไปสู่การขาดทุนหนัก
- ไม่มีระบบที่ชัดเจน: การเปลี่ยนกลยุทธ์บ่อย หรือเทรดตามอารมณ์ ทำให้พอร์ตไม่มีทิศทางที่แน่นอน
สรุป
พี่ต้านเน้นว่า “การบริหารพอร์ตที่ดีต้องมีระบบและการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม” พอร์ตที่มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ใช่พอร์ตที่ทำกำไรเร็วที่สุด แต่เป็นพอร์ตที่สามารถอยู่รอดได้ในทุกสภาวะตลาด
หากคุณต้องการสร้างพอร์ตที่แข็งแกร่ง ควรให้ความสำคัญกับการควบคุมความเสี่ยง, การกระจายความเสี่ยง และการบริหาร Position Size อย่างเป็นระบบ
(ข้อมูลอ้างอิง: สรุปจาก Mudley Live by Jatuphon Vol.1)
นี่คือบทเรียนที่ 8 และเป็นบทสรุปใน สรุป 8 บทเรียนจาก Mudley Live Vol.1 ฉบับสมบูรณ์ของเรา