เงินไม่หาย พอร์ตไม่พัง: เทคนิคจัดพอร์ตของพี่ต้านที่เทรดเดอร์ต้องรู้ (Mudley Live Ep.8)

พี่ต้านเน้นว่า “การอยู่รอดในตลาดสำคัญกว่าการทำกำไรในระยะสั้น” เทรดเดอร์หลายคนมักโฟกัสไปที่การทำกำไร แต่ละเลยการบริหารพอร์ตที่เป็นระบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้พอร์ตสามารถรับมือกับช่วง Drawdown ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลักคิดคือ การรักษาเงินทุนสำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณอยู่รอดได้ในตลาด โอกาสทำกำไรจะมาหาคุณเอง


6 หลักคิดสำคัญในการบริหารพอร์ต

หลักคิดที่ 1: เป้าหมายคือ “อยู่รอดก่อน รวยทีหลัง”

  • เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จให้ความสำคัญกับการควบคุมความเสี่ยงมากกว่าการทำกำไรสูงสุด
  • พอร์ตที่ดีต้องสามารถอยู่รอดได้ในทุกสภาวะตลาด ไม่ใช่แค่ช่วงตลาดขาขึ้น
  • การรักษาเงินทุนสำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณอยู่รอดได้ในตลาด โอกาสทำกำไรจะมาหาคุณเอง

หลักคิดที่ 2: การกระจายความเสี่ยง (Diversification)

  • ไม่ถือสินทรัพย์เพียงประเภทเดียว แต่กระจายไปในสินทรัพย์ที่ไม่สัมพันธ์กัน (เช่น หุ้น, ฟิวเจอร์ส, ทองคำ)
  • พอร์ตที่มีความหลากหลายช่วยลดผลกระทบจากความผันผวน และช่วยให้พอร์ตไม่พังเมื่อเจอภาวะตลาดที่ไม่เป็นใจ

หลักคิดที่ 3: การบริหาร Position Sizing

  • ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของพอร์ต ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
  • การใช้ขนาด Position ที่เหมาะสมช่วยให้สามารถทนต่อช่วง Drawdown ได้ และป้องกันการล้างพอร์ต

หลักคิดที่ 4: Money Management และ Drawdown

  • ตั้ง Maximum Drawdown สำหรับพอร์ต เช่น หากพอร์ตขาดทุนเกิน 20% ต้องหยุดเทรดและประเมินระบบใหม่
  • ไม่เพิ่ม Position เพียงเพราะต้องการ “เอาคืน” จากการขาดทุน เพราะการทำแบบนี้มักทำให้พอร์ตเสียหายหนักขึ้น

หลักคิดที่ 5: มีเงินสดสำรอง (Dry Powder)

  • เทรดเดอร์ที่ไม่มีเงินสดสำรองจะไม่สามารถกลับมาเทรดได้เมื่อเกิด Drawdown
  • ควรกันเงินบางส่วนไว้เสมอ เพื่อใช้เป็นทุนในช่วงที่ตลาดกลับมาส่งสัญญาณบวก (ซื้อของถูก)

หลักคิดที่ 6: วินัยและการปรับตัว (Discipline & Adaptability)

  • ทำตามระบบของตัวเอง แม้ในช่วงที่ตลาดไม่เป็นใจ
  • ปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด เช่น หากตลาดมีความผันผวนสูง ควรลดขนาด Position และเพิ่มสัดส่วนเงินสดในพอร์ต

ข้อผิดพลาดที่ทำให้พอร์ตไม่มีประสิทธิภาพ

  1. ไม่มีแผนการจัดการความเสี่ยง: พอร์ตที่ไม่มีแผนบริหารความเสี่ยงมักล้มเหลวในช่วง Drawdown
  2. ใช้ Leverage เกินตัว: แม้ Leverage จะช่วยเพิ่มกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงให้พอร์ต
  3. ไม่กระจายความเสี่ยง: ลงทุนแค่สินทรัพย์ประเภทเดียว มักนำไปสู่การขาดทุนหนัก
  4. ไม่มีระบบที่ชัดเจน: การเปลี่ยนกลยุทธ์บ่อย หรือเทรดตามอารมณ์ ทำให้พอร์ตไม่มีทิศทางที่แน่นอน

สรุป

พี่ต้านเน้นว่า “การบริหารพอร์ตที่ดีต้องมีระบบและการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม” พอร์ตที่มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ใช่พอร์ตที่ทำกำไรเร็วที่สุด แต่เป็นพอร์ตที่สามารถอยู่รอดได้ในทุกสภาวะตลาด

หากคุณต้องการสร้างพอร์ตที่แข็งแกร่ง ควรให้ความสำคัญกับการควบคุมความเสี่ยง, การกระจายความเสี่ยง และการบริหาร Position Size อย่างเป็นระบบ

(ข้อมูลอ้างอิง: สรุปจาก Mudley Live by Jatuphon Vol.1)

นี่คือบทเรียนที่ 8 และเป็นบทสรุปใน สรุป 8 บทเรียนจาก Mudley Live Vol.1 ฉบับสมบูรณ์ของเรา

Leave a Comment

error: Content is protected !!