เดี๋ยวนี้โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน เงินเฟ้อก็มาเร็ว รายได้เท่าเดิมแต่ของแพงขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราจะเอาตัวรอดในโลกแบบนี้ได้ยังไง?
คำตอบคือ… เราต้องเข้าใจ “ระบบการเงิน” ให้ลึก และเริ่มเรียนรู้ให้เร็วที่สุด
และนี่คือเหตุผลที่ผมอยากแนะนำหนังสือเล่มนี้ “The Mathematics of Finance for High Schoolers” (ฉบับแปลไทย: “สอนลูกให้เป็นควอนท์”) เขียนโดย Paul Wilmott ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านคณิตศาสตร์การเงิน
อย่าเพิ่งตกใจว่ามันจะยาก! เพราะหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อให้เด็กมัธยมก็เข้าใจได้ และจริงๆ แล้วเหมาะกับ “ทุกคน” ที่อยากเข้าใจพื้นฐานการเงินแบบลึกซึ้ง โดยไม่ต้องจบการเงินมาก่อน
แดดดี๊สรุป 20 ข้อคิดสำคัญที่ “ขยี้” มาจากหนังสือเล่มนี้ให้แล้วครับ!
20 ข้อคิดสำคัญจาก “Math of Finance”
ผมขอจัดกลุ่มข้อคิดออกเป็น 5 หมวดหลักๆ ที่จะเปลี่ยนมุมมองการเงินของคุณไปตลอดกาลครับ
กลุ่มที่ 1: เข้าใจ ‘ระบบ’ การเงิน (The System)
- เงินคือ “แนวคิด” ไม่ใช่แค่ธนบัตร: จริงๆ แล้วมันคือแนวคิดที่คนทั้งโลก “ตกลงกัน” ให้ใช้ในการแลกเปลี่ยน
- ธนาคารไม่ได้แค่ “รับฝากเงิน” แต่ “สร้างเงิน” ขึ้นมาได้: หนังสืออธิบายว่าระบบธนาคารสามารถ “สร้างเงินใหม่” จากอากาศด้วยการปล่อยกู้
- ระบบการเงินก็มี “เกมของมัน”: ใครที่เข้าใจเรื่อง leverage, compound interest หรือ bond yield จะเข้าใจว่า ระบบการเงินไม่ใช่ดวง แต่คือเกมที่มีระบบ และใครเข้าใจก่อน = ได้เปรียบ
- ความรู้การเงินควรเป็นวิชาบังคับ: เราควรเรียนรู้สิ่งนี้ตั้งแต่เด็ก จะได้ “ไม่โดนหลอกง่ายๆ”
- อาชีพการเงินไม่ได้มีแค่ “เทรดเดอร์”: ยังมีนักบริหารความเสี่ยง, ควอนต์, นักพัฒนาโมเดลการเงิน ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยได้ยิน
กลุ่มที่ 2: พลังของ ‘เวลา’ และ ‘ดอกเบี้ยทบต้น’ (Time & Compounding)
- ดอกเบี้ยทบต้นคือพลังลับของการลงทุน: Albert Einstein เคยบอกว่า “ดอกเบี้ยทบต้นคือสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก” ถ้าเราปล่อยให้เงินทำงานให้เรานานพอ เราจะเห็นการเติบโตแบบทวีคูณ
- การจำลอง (Simulation) คือวิธีเรียนรู้ที่ดีที่สุด: Paul แนะนำให้ใช้ Excel จำลองการเติบโตของเงิน แค่เห็นว่าเงิน 1,000 บาทโตเป็นหมื่นได้ยังไง ก็จะเปลี่ยนความคิดต่อการออมทันที
- ถ้าเข้าใจมูลค่าของเวลา จะไม่อยากเสียเวลาทิ้ง: ในโลกการเงิน “เวลา” มีมูลค่า ยิ่งเริ่มต้นเร็ว ผลตอบแทนยิ่งมาก การผัดวันประกันพรุ่งคือการ “เผาเงิน” ที่แท้จริง
กลุ่มที่ 3: อย่ากลัว ‘ตัวเลข’ (The Math)
- กราฟไม่ใช่ของนักลงทุนเท่านั้น: กราฟพื้นฐานช่วยให้เราเข้าใจว่า เงินโตยังไง ต้นทุนเปลี่ยนแปลงยังไง
- ความเข้าใจในตัวเลขช่วยให้เราไม่กลัวเงิน: ถ้าเรารู้ว่าดอกเบี้ยคืออะไร การผ่อนชำระทำงานยังไง เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของระบบ และเราจะ “ควบคุมเงิน” ได้
- อย่ากลัวตัวเลข เพราะตัวเลขจะพาเราไปถึงเป้าหมาย: หนังสือเล่มนี้สอนให้เรารักการคิดวิเคราะห์ คิดเป็นระบบ
กลุ่มที่ 4: เข้าใจ ‘ความเสี่ยง’ (The Risk)
- การเข้าใจความเสี่ยง = เข้าใจชีวิต: ทุกการตัดสินใจในชีวิตมี “ความเสี่ยง” ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะลงทุนหรือไม่ลงทุนก็ตาม
- หุ้นขึ้นลงดูเหมือนสุ่ม แต่มีแบบแผนซ่อนอยู่: หนังสือสอนเรื่อง “Random Walk” แต่ก็ชี้ให้เห็นว่า ถึงมันจะดูสุ่ม เราก็ยังจัดการมันได้
- ฟองสบู่ทางการเงิน คือเรื่องจริงที่เกิดซ้ำๆ: จากดอกทิวลิปถึง Bitcoin หนังสือสอนเราว่า “ฟองสบู่” คือสิ่งที่มนุษย์ทำซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน ใครรู้ทันก็จะไม่เจ๊ง
- อย่าเชื่อใครถ้าเขาบอกว่ารวยเร็วโดยไม่มีเหตุผล: Paul เตือนว่าในโลกการเงินมีคนขายฝันเต็มไปหมด อย่าเชื่อสูตรรวยลัด
- หุ้นกับการพนันต่างกันตรง “ความเข้าใจ”: ถ้าคุณซื้อหุ้นเพราะเพื่อนบอก… นั่นคือการพนัน แต่ถ้าคุณเข้าใจมูลค่า ความเสี่ยง การจัดพอร์ต… นั่นแหละคือการลงทุน
กลุ่มที่ 5: การเงินคือ ‘พฤติกรรม’ (The Behavior)
- อย่าเพิ่งคิดว่า “การเงิน” เป็นเรื่องไกลตัว: มันเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราทุกคน ตั้งแต่ใช้บัตรเครดิต จนถึงการออม
- เรียนรู้การเงินเร็ว = ได้เปรียบคนอื่นไป 10 ปี: ทำให้เราไม่โดนหลอกง่ายๆ และรู้ว่าควรเลือกเส้นทางชีวิตแบบไหนให้มั่นคง
- การลงทุน = การจัดการพฤติกรรมตัวเอง: คนที่รวยจากตลาดหุ้นไม่ใช่คนที่แม่นที่สุด แต่คือคนที่ “คุมอารมณ์” ได้ดีที่สุด
- การลงทุนคือการคิดแบบระบบ: ใครที่เข้าใจระบบ “ผลตอบแทน – ความเสี่ยง – เวลา” จะลงทุนได้อย่างมั่นคงกว่าคนที่ไล่ตามแต่กำไรระยะสั้น
สรุปสั้นๆ จากแดดดี๊
ถ้าคุณเคยกลัวเรื่องเงิน หรือรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจการเงินช้าไป หนังสือเล่มนี้จะช่วย “รีเซ็ตความเข้าใจ” และพาคุณเข้าสู่โลกใหม่ที่น่าตื่นเต้น
ใครมีลูกหลานอยู่มัธยม แนะนำให้ซื้อให้อ่าน ใครเพิ่งเริ่มอยากเข้าใจเรื่องเงิน ก็เริ่มต้นจากเล่มนี้ได้เลยครับ
รวม 12 สุดยอดหนังสือเทรดเดอร์ต้องอ่าน
สั่งซื้อหนังสือ "สอนลูกให้เป็นควอนท์" ที่นี่